AAH

AAH #0105558015348 ขับเคลื่อนสิทธิ์ นวัตกรรม และอนาคต Driving Rights, Innovation, and the Future

Pages

  • Home
  • Our Group
  • ABOUT US
  • Sponsor Us ลงโฆษณากับเรา
  • AAG ATALL GROUP มูลค่า กลุ่มบริษัท

Sunday, August 28, 2022

Data drive...

 


at August 28, 2022
Email ThisBlogThis!Share to XShare to FacebookShare to Pinterest
Newer Post Older Post Home

AAH & ENG

  • AAH & ENGINEERING
  • ถือสิทธิ์ในผลงานทางวิศวกรรม
  • พัฒนาและถือสิทธิ์ "Engineering Value Chain"
  • พัฒนา IP & License ทางวิศวกรรม
  • สนับสนุน R&D ทางวิศวกรรม
  • ระบบสร้างบุคลากรด้านวิศวกรรม (AHC)
  • ถือหุ้นในบริษัทด้านวิศวกรรมอื่นในเครือ

ATALL WEBINAR

ATALL WEBINAR

ALIP Model business

ALIP Model business

AAH WEBINAR

AAH WEBINAR

AAH LEARNING & TRAINING

AAH LEARNING & TRAINING

AWW ATALL WEBINAR WORLD

  • AWW ATALL WEBINAR WORLD

ATALL R&D

ATALL R&D


Line

Line
  • AAH WEBINAR STRATEGY
  • ยุทธศาสตร์ร่วมทุนไทยจีน
  • Jv ppt

SEZ& HYBRID PARK

SEZ& HYBRID PARK

Tech Franchise

Tech Franchise

อนาคต

การคาดการณ์ธุรกิจที่ "รวยสุด" ในอีก 10 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงและสร้างกำไรมหาศาล ได้แก่: 1. AI & Automation (ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ) AI as a Service (AIaaS): การให้บริการ AI บนคลาวด์ เช่น OpenAI, Google AI Automation & Robotics: หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรม การแพทย์ และบริการลูกค้า AI-driven Healthcare: AI วิเคราะห์โรค แนะนำการรักษา ลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ 2. Biotech & HealthTech (เทคโนโลยีชีวภาพและสุขภาพ) Gene Editing (CRISPR): ธุรกิจพัฒนาวิธีแก้ไขยีนเพื่อรักษาโรค Personalized Medicine: ยาตาม DNA และสุขภาพแบบเฉพาะบุคคล Anti-Aging & Longevity: ธุรกิจชะลอวัยและยืดอายุมนุษย์ 3. Renewable Energy & EV (พลังงานหมุนเวียนและยานยนต์ไฟฟ้า) Solar, Wind, Hydrogen Power: ธุรกิจพลังงานสะอาดที่รัฐบาลสนับสนุน EV & Battery Tech: แบตเตอรี่โซลิดสเตต เทคโนโลยีชาร์จเร็ว Energy Storage & Smart Grid: ระบบกักเก็บพลังงานและโครงข่ายพลังงานอัจฉริยะ 4. Space Economy (เศรษฐกิจอวกาศ) Satellite Internet (เช่น Starlink, OneWeb): การสื่อสารผ่านดาวเทียม Space Tourism: การท่องเที่ยวอวกาศ เช่น SpaceX, Blue Origin Asteroid Mining: การขุดแร่จากอุกกาบาต เช่น Rare Earth สำหรับ AI & EV 5. FinTech & Decentralized Finance (การเงินดิจิทัลและการเงินแบบกระจายศูนย์) Crypto & Web3: บล็อกเชน NFT และเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ AI Trading & Robo-Advisors: AI ช่วยจัดการพอร์ตการลงทุน CBDC & Digital Payment: เงินดิจิทัลของรัฐและการชำระเงินแบบไร้เงินสด 6. Metaverse & Virtual Economy (เมตาเวิร์สและเศรษฐกิจเสมือน) Virtual Real Estate: ซื้อขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในโลกเสมือน VR & AR Content: ธุรกิจผลิตคอนเทนต์ในเมตาเวิร์ส Digital Fashion & NFT Assets: เสื้อผ้าและสินค้าดิจิทัล 7. Smart Agriculture & FoodTech (เกษตรอัจฉริยะและเทคโนโลยีอาหาร) Lab-Grown Meat: เนื้อสัตว์เพาะเลี้ยงในห้องแล็บ Precision Farming: เกษตรกรรมแม่นยำด้วย AI & IoT Alternative Proteins: โปรตีนจากแมลง สาหร่าย และพืช 8. Cybersecurity & Data Privacy (ความปลอดภัยไซเบอร์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล) AI Cyber Defense: การป้องกันแฮกเกอร์ด้วย AI Zero Trust Security: ระบบป้องกันข้อมูลขั้นสูง Personal Data Monetization: แพลตฟอร์มให้ผู้ใช้ขายข้อมูลของตัวเอง 9. Smart Cities & Real Estate Tech (เมืองอัจฉริยะและเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์) Autonomous Transport: รถไร้คนขับและโลจิสติกส์อัจฉริยะ IoT Infrastructure: อาคารอัจฉริยะที่จัดการพลังงานได้เอง Real Estate Tokenization: อสังหาฯ บนบล็อกเชนที่เข้าถึงนักลงทุนรายย่อย 10. Personalized Education & EdTech (การศึกษาเฉพาะบุคคลและเทคโนโลยีการศึกษา) AI Tutors: ครูสอนพิเศษ AI สำหรับทุกวัย Microlearning & Skill-Based Learning: คอร์สเรียนสั้นที่พัฒนาทักษะเฉพาะทาง VR/AR Learning: เรียนรู้ผ่านเมตาเวิร์สและโลกเสมือน สรุป ถ้าเน้น เทคโนโลยีและพลังงาน → AI, Biotech, EV, Space ถ้าเน้น การเงินและการลงทุน → Crypto, FinTech, Real Estate ถ้าเน้น สุขภาพและไลฟ์สไตล์ → Longevity, Smart Food, Cybersecurity ธุรกิจที่ "รวยสุด" ขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะตลาด แต่ถ้าเลือกธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวโน้มโลก โอกาสรวยภายใน 10 ปีข้างหน้ามีสูงแน่นอน

ATALL ROBOTICS & INTELLIGENT SYSTEMS

ATALL ROBOTICS & INTELLIGENT SYSTEMS

EV & Innovation

EV & Innovation

Webinar & Education

Webinar & Education

7income

7income

ATALL MECHATRONICS

ATALL MECHATRONICS

Contact Us

Name

Email *

Message *

TIME MGT

TIME MGT

STRATEGIES BOOST SME

STRATEGIES BOOST SME

Biomedical

Biomedical

Cross Border Logistics

Cross Border Logistics

สสว

สสว
  • Google free bar code
  • THAI SME GP
  • Crypto แต่ละแบบ
  • JOINT VENTURE
  • Malaysia plan
  • Crown Funding
  • กลต crown funding
  • Trudtender
  • + Investree
  • - Society crown funding
  • - Peerflower
  • - Siam vadilus SCG
  • Bytedance
  • ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำอน่างไร ?
  • ภงด KHL
  • รายงานเครดิตบูโร
  • Fukuoka investments
  • Fukuoka Prefecture
  • พะยูง ไม้เศรษฐกิจ
  • ไม้พะยูง SIAMESE ROSEWOOD FIN FEASE 28 05 2023
  • ATALL KING ROMAN
  • กงสี1
  • FAMILY RULE & BUSINESS
  • อธิบายเศรษฐกิจโลก
  • Dynamics QR code
  • Google Map QR Code
  • หุ้นจีนในอเมริกา
  • จดทะเบียน เลิก AAE ATC
  • ขั้นตอนจดเลิกบริษัท
  • AAG SHARE HOLDER
  • สสว
  • USAID Thailand e mail contact
  • AAG แนวทางระดมทุน
  • AAG ขายสิทธิ์
  • AAG ขายสิทธิ์ได้เงินเร็วสุด
  • AAG ขายสิทธิ์ได้เงินสดเร็วสุด .ppt

WEBINAR FRANCHISE

การเลือกให้ความสำคัญระหว่าง franchise และ webinar ขึ้นอยู่กับเป้าหมายธุรกิจและกลยุทธ์ในระยะสั้นและระยะยาว ดังนี้: 1. Webinar: ลักษณะการดำเนินงาน: Webinar เป็นแพลตฟอร์มการให้ความรู้หรือการฝึกอบรมผ่านทางออนไลน์ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่จำเป็นต้องมีการตั้งฐานธุรกิจในสถานที่ต่าง ๆ จุดเด่น: ความยืดหยุ่นสูง: สามารถจัด Webinar ได้จากทุกที่ และดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก ต้นทุนต่ำ: ไม่ต้องมีการลงทุนสูงในด้านโครงสร้างพื้นฐานหรือสถานที่ การเข้าถึงตลาดที่กว้าง: สามารถเข้าถึงผู้เข้าร่วมจำนวนมากในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นหลักสูตรหรือเนื้อหาที่มีความเฉพาะทางและเป็นที่ต้องการ ข้อพิจารณา: การแข่งขันสูง: Webinar เป็นแพลตฟอร์มที่มีการแข่งขันสูง ดังนั้นจึงต้องมีเนื้อหาที่โดดเด่นและแตกต่าง ความสัมพันธ์กับลูกค้า: เนื่องจาก Webinar เป็นรูปแบบออนไลน์ อาจขาดความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า หากไม่มีการติดตามผลหรือบริการหลังการขาย 2. Franchise: ลักษณะการดำเนินงาน: การขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ คือการขยายฐานธุรกิจโดยการมอบสิทธิ์ให้ผู้ประกอบการรายอื่นนำชื่อแบรนด์และระบบการดำเนินงานไปใช้ โดยเจ้าของแฟรนไชส์จะได้รับค่าธรรมเนียมและค่าลิขสิทธิ์ จุดเด่น: การขยายธุรกิจที่มั่นคง: Franchise ช่วยขยายแบรนด์ในระดับพื้นที่ โดยไม่ต้องลงทุนทั้งหมดด้วยตนเอง การสร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง: ธุรกิจแฟรนไชส์มักมีการติดตามผลและมีการสร้างสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการให้บริการที่แน่นอนและต่อเนื่อง การสร้างรายได้ในระยะยาว: แฟรนไชส์ช่วยให้ธุรกิจเติบโตในระยะยาว โดยมีรายได้จากการเก็บค่าลิขสิทธิ์และการให้คำปรึกษาแก่ผู้ซื้อแฟรนไชส์ ข้อพิจารณา: ต้นทุนเริ่มต้นสูง: การสร้างระบบแฟรนไชส์ต้องการการลงทุนเริ่มต้นสูงเพื่อพัฒนาระบบ การวางแผน การฝึกอบรม และการจัดการการดำเนินงาน การควบคุมคุณภาพ: การควบคุมคุณภาพของสาขาแฟรนไชส์อาจเป็นเรื่องท้าทาย หากไม่ได้วางระบบที่ดี การตัดสินใจเลือกความสำคัญ: 1. ระยะสั้น: เน้น Webinar หากคุณต้องการขยายการเข้าถึงและสร้างรายได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น Webinar จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ด้วยการเข้าถึงที่กว้างขวางและต้นทุนที่ต่ำกว่าการเปิดแฟรนไชส์ คุณสามารถใช้ Webinar เพื่อสร้างฐานลูกค้าและสร้างความรู้จักกับตลาดได้อย่างรวดเร็ว 2. ระยะยาว: เน้น Franchise หากคุณมีเป้าหมายในการขยายธุรกิจในระยะยาว การขยายด้วยระบบแฟรนไชส์จะเป็นแนวทางที่สร้างรายได้ต่อเนื่องในระยะยาว รวมทั้งสร้างฐานธุรกิจที่มั่นคงในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะหากธุรกิจของคุณมีศักยภาพที่จะขยายในระดับภูมิภาคหรือระดับประเทศ 3. กลยุทธ์ผสมผสาน: คุณสามารถใช้ Webinar เพื่อสร้างการรับรู้และฝึกอบรมลูกค้าในช่วงแรก เมื่อมีการเติบโตแล้ว จึงขยายเป็นแฟรนไชส์ เพื่อสร้างความมั่นคงและขยายตลาดต่อไป สรุป: หากคุณเน้นการสร้างฐานลูกค้าอย่างรวดเร็วและต้องการลดต้นทุนในระยะสั้น Webinar เป็นทางเลือกที่ดีกว่า หากคุณต้องการสร้างความมั่นคงและการเติบโตในระยะยาว Franchise จะช่วยสร้างรายได้และความแข็งแรงให้ธุรกิจ
Copyright © ATALL HOLDING CO.,LTD. All Rights Reserved.. Simple theme. Powered by Blogger.
  • Crypto Mining : Mining Pro
  • อบรม กรรมการ

การบริหาร รายบริษัท กลุ่มบริษัท

การบริหารแบบ รายบริษัท หรือ กลุ่มบริษัท มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเป้าหมายธุรกิจ ลักษณะองค์กร และการดำเนินงานของแต่ละบริษัท ดังนี้: --- 1. การบริหารแบบรายบริษัท (Decentralized Management) ข้อดี: การตัดสินใจรวดเร็ว: แต่ละบริษัทสามารถปรับตัวและตัดสินใจได้ตามสถานการณ์ของตนเอง โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง ความยืดหยุ่นสูง: เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีลักษณะเฉพาะตัวในแต่ละบริษัท เช่น ขายสินค้าต่างชนิดหรือตลาดต่างกลุ่ม ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์: การบริหารแยกบริษัทช่วยให้แต่ละบริษัทสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ธุรกิจของตนเอง ความรับผิดชอบชัดเจน: ผู้บริหารในแต่ละบริษัทรับผิดชอบกำไรขาดทุนของบริษัทตัวเอง ข้อเสีย: ขาดความเป็นเอกภาพ: อาจเกิดความไม่สอดคล้องในกลยุทธ์ระหว่างบริษัทในเครือ ทรัพยากรซ้ำซ้อน: การจัดการทรัพยากรแยกกันอาจทำให้สิ้นเปลือง เช่น ระบบบัญชี การตลาด หรือการบริหารบุคคล การควบคุมยากขึ้น: หากไม่มีระบบติดตามผลที่ดี อาจเกิดการทำงานที่ไม่เป็นไปตามทิศทางของกลุ่ม --- 2. การบริหารแบบกลุ่มบริษัท (Centralized Management) ข้อดี: ประหยัดทรัพยากร: สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน เช่น ทีมการเงิน การตลาด และระบบไอที ช่วยลดต้นทุน สร้างเอกภาพในกลยุทธ์: การบริหารแบบกลุ่มช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับทุกบริษัทในเครือ อำนาจต่อรองสูง: รวมศักยภาพของกลุ่มเพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เช่น ในการเจรจากับซัพพลายเออร์ การบริหารจัดการง่าย: มีระบบควบคุมและตรวจสอบที่ครอบคลุมทุกบริษัทในเครือ ข้อเสีย: การตัดสินใจช้า: การรวมศูนย์อำนาจอาจทำให้การตัดสินใจต้องผ่านหลายขั้นตอน ลดความยืดหยุ่น: แต่ละบริษัทอาจไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในตลาดที่แตกต่างกัน สร้างความไม่พอใจ: การรวมศูนย์อาจทำให้บริษัทในเครือรู้สึกว่าอำนาจและอิสรภาพในการบริหารลดลง --- เลือกแบบไหนดี? 1. กรณีเหมาะกับบริหารรายบริษัท: แต่ละบริษัทในกลุ่มมีตลาด ลูกค้า หรือผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันชัดเจน ธุรกิจอยู่ในช่วงเริ่มต้น ต้องการความคล่องตัวสูง 2. กรณีเหมาะกับบริหารแบบกลุ่มบริษัท: บริษัทในกลุ่มมีความสัมพันธ์กันใน Value Chain (ห่วงโซ่คุณค่า) เช่น การผลิต การตลาด หรือการจัดจำหน่าย ธุรกิจอยู่ในช่วงขยายตัว ต้องการประสิทธิภาพและลดต้นทุน ต้องการสร้างแบรนด์ภาพรวมของกลุ่มให้แข็งแกร่ง --- คำแนะนำ: ใช้ แบบผสม โดยกำหนดส่วนกลางสำหรับกลยุทธ์สำคัญ เช่น การเงิน การตลาด และการจัดการทรัพยากร แต่เปิดโอกาสให้แต่ละบริษัทมีอิสระในการปรับกลยุทธ์ปฏิบัติตามตลาดเฉพาะของตนเอง ตั้ง Key Performance Indicators (KPIs) เพื่อวัดผลการดำเนินงานในทั้งระดับบริษัทและระดับกลุ่ม เพื่อความสมดุลในการบริหาร

สินทรัพย์ชนิดต่างๆ

สินทรัพย์ชนิดต่างๆ

robot

robot

DIGITAL BUSINESS

DIGITAL BUSINESS

บสย

บสย

GLOBAL ECONOMY

GLOBAL ECONOMY

% การถือหุ้น ใน บริษัท

การถือหุ้นในบริษัทไม่ได้มีการกำหนดขั้นต่ำทางกฎหมายว่าต้องถือหุ้นในสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะสามารถถือหุ้นในบริษัทได้ ในทางปฏิบัติแล้วคุณสามารถถือหุ้นในบริษัทได้ตั้งแต่ 1 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด อย่างไรก็ตาม สิทธิในการลงคะแนนเสียงและอำนาจการควบคุมบริษัทมักขึ้นอยู่กับสัดส่วนการถือหุ้นที่ถืออยู่ โดยปกติแล้วการถือหุ้นจะมีความหมายในระดับที่แตกต่างกันตามเปอร์เซ็นต์ที่ถือ เช่น: 1. 1-4.99%: ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย มีสิทธิ์ในส่วนของกำไรและการออกเสียงตามสัดส่วนที่ถือ แต่ไม่มีอิทธิพลในการควบคุมการบริหารของบริษัท 2. 5%: สามารถขอเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้ 3. 10%: สามารถขอคำสั่งศาลในการตรวจสอบการทำงานของบริษัท 4. 25%: สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่น การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับของบริษัท (ต้องการเสียง 75%) 5. 50% + 1 หุ้น: สามารถควบคุมการตัดสินใจในที่ประชุมผู้ถือหุ้นและควบคุมการบริหารบริษัท 6. 75%: สามารถเปลี่ยนแปลงข้อบังคับบริษัทและการตัดสินใจสำคัญ ๆ ที่ต้องใช้เสียงข้างมากพิเศษ ดังนั้น การถือหุ้นในบริษัทไม่จำเป็นต้องมีขั้นต่ำที่กำหนด แต่การถือหุ้นในสัดส่วนที่มากขึ้นจะมีสิทธิ์และอำนาจในการควบคุมบริษัทมากขึ้น

VC

VC

FAMILY OWN

FAMILY OWN